วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ลัทธิ..บูชา..นาคราช...นาคเทวี

เมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปี ที่แล้ว นี้เอง

ที่ อาณาจักร แอตแลนเธีย ขยายอิทธิพล และ อาณาเขต

จาก เกาะใหญ่ กลางทะเลใต้

ทำให้ ทุกทั่ว หัวระแหง มี วัฒนธรรม 

และ ความเชื่อ ที่เหมือนกัน

เพราะ ประตูเวลา นั่นเอง

ที่ทำให้ อาณาจักร แอตแลนเธีย ครอบงำความคิด ของผู้คน ทั้งโลก



แอตแลนเธีย ปกครองด้วย ๒ ชนเผ่า คือ เผ่าอาทิตย์ และ เผ่าพระจันทร์


มีอยู่ ยุคหนึ่งที่ เผ่าพระจันทร์ ครองอำนาจ และสามารถขับไล่ เผ่าอาทิตย์ ออกไป

จากเกาะแอตแลนเธีย ได้อย่างสมบูรณ์ แบบ

กล่าวคือ สามารถขับไล่ ชนเผ่าอาทิตย์ ออกไป จนไม่หลงเหลือ ผู้คนที่สืบเชื้อสายจาก

เผ่าอาทิตย์ แม้เพียงคนเดียว

ทำให้ เผ่าอาทิตย์ ต้องถอยร่น ไปอยู่ อีกซีกโลกหนึ่ง ที่มีอากาศหนาวเหน็บ

ใน ฤดูฝน นั้นมี หิมะ ตก แทนที่จะเป็น ฝนตก

การทำมาหากิน ก็เป็นไปอย่างอยากลำบาก

จำเป็นต้อง สะสมเสบียงกรัง ให้ เพียงพอ ก่อนที่ จะเข้า ฤดูฝน อีกรอบหนึ่งของปี



ชนเผ่า ทั้งสอง มีความยึดมั่นศรัทธา ต่อธรรมชาติ เป็นอย่างมาก

ทั้งสองเผ่า ต่างนับถือ ลัทธิบูชานาคราช และนาคเทวี

แต่ เผ่าอาทิตย์ จะให้ความสำคัญต่อ นาคราช มากกว่า

ต่างจาก เผ่าพระจันทร์ ที่เคารพ นาคเทวี มารดาแห่งสรรพสิ่งมากกว่า



การบูชา ธรรมชาติ ก็ต้องใช้ สิ่งของที่แทน ความยิ่งใหญ่ ของธรรมชาติ

ก็คือ ศิลา หรือ ก้อนหิน นั่นเอง


การบูชา นาคราช จะปั้นเป็นหิน สีเงิน เรืองรอง

เหตุที่มีสีเงินเรืองรอง เพราะ ผสม แร่ควอทซ์ เอาไว้

นี้คือ ภูิมปัญญา อย่างหนึ่ง ในการเก็บสะสม แร่ควอทซ์ เอาไว้ ในยามที่ขาดแคลน

ก็นำมาปั่น เพื่อร่อน เอาแร่ควอทซ์ ออกมาใช้งาน

ไม่ว่า จะเป็น เชื้อเพลิง ในการเปิด ประตูมิติเวลา

ซึ่งเป็นการสัญจร ที่ทันสมัยกว่าปัจจุบัน เป็นอันมาก


ส่วน การบูชา นาคเทวี จะปั้นเป็น หิน สีทอง เรืองรอง

ที่เป็น สีทอง เรืองรอง เพราะ มีแร่ ทองคำ และ ทองแดง เป็นส่วนประกอบ

นั่นเอง


แต่ พบว่า ยุคต่อมา ก็มี การผสมผสาน แร่ ต่าง ๆ เข้า ไป

แม้แต่ แร่อัญมณี ต่าง ๆ

ก้อนหินบูชา จึงมีสีสันที่สวยงาม หลากหลายรูปทรง

ขึ้นอยู่กับ ค่านิยมของแต่ละพื้นที่



ประเพณี บูชา นาคราช..นาคเทวี สืบทอดกันมาจนถึง ยุคเมื่อ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว


แต่ การบูชา นาคเทวี จะเลือนหาย

เมื่อ ๑,๐๐๐๐ ปีมาแล้วเช่นกัน



เพราะ เมื่อ เผ่าอาทิตย์ กลับมา ครองอำนาจ เหนือ อาณาจักร แอตแลนเธีย อีกครั้ง

ได้สั่งให้ ทำลาย พิธีกรรม ที่แสดงถึงการเคารพ นาคเทวี

เพราะ โกรธแค้น ที่ตน เคยได้รับการดูหมิ่น จากเผ่าพระจันทร์

ซึ่งเคารพ นาคเทวี เหนือสิ่งอื่นใด


เรียกง่าย ๆ คือ เป็นการข่มขวัญศัตรู นั่นเอง



ถึงแม้ว่า ยุคก่อน อาณาจักรแอตแลนเธีย ล่มสลาย

จาก มหาธรณีวิบัติ  ซึ่ง เผ่าพระจันทร์ กลับมาครองอำนาจ

ก็หาได้ แสดงความเคารพต่อ นาคเทวี เช่นดังครั้ง บรรพกาลเก่าก่อนมา



ลัทธิบูชา นาคเทวี จึงเสื่อมสูญสลาย ไปตามกาลเวลา ที่ผันผ่าน

และน้อยคนนัก ที่จัก ได้รู้ความเป็นมาที่น่าเศร้าสลดหดหู่ใจ เป็นยิ่งนัก




(ช่วงเรื่องเล่า..จากความฝัน..เฟื่อง)

โดย  Winnie the ENG

ความ...ล่มสลาย...แห่งยุค

แล้ว เพราะ เหตุใด มหานคร อย่าง แอตแลนเธีย จึงล่มสลาย

เพราะ ผู้คน มีวิวัฒนาการ ด้านความรู้ ที่เหมือนกัน

ทำให้ เกิดการแย่งชิง ทรัพยาการ ในการขับเคลื่อน ทุกสิ่ง

ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ผลประโยชน์ นี่เอง ที่เป็นบ่อน ทำลาย ชาติ อันยิ่งใหญ่ เกรียงไกร

จน หา จุดกำเนิด รากเหง้า ความเป็นมาแห่งความยิ่งใหญ่ ได้ แม้แต่สัก กระเบียด


ความแตกแยก นั้นเกิด จากการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย

ตามชาติพันธุ์ นั่นเอง

บนเกาะ ที่เกรียงไกร อย่าง แอตแลนเธีย ก็เช่นเดียวกัน


แอตแลนเธีย เป็นเกาะใหญ่ ทางตอนใต้ ของโลก

มีกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ยิ่งใหญ่ เพียง ๒ ชนเผ่า คือ เผ่าอาทิตย์ และ เผ่าพระจันทร์

คอยสลับกันปกครอง อาณาจักร แอตแลนเธีย

จนมาถึง ราชวงศ์ สุดท้าย ที่มี พระเจ้า แอตก้า ที่ ๖ และ พระราชินี โซฟินา

ซึ่งสืบเชื้อสาย มาจาก เผ่าพระจันทร์


เผ่าพระจันทร์ ผมดำ ตาสีน้ำตาล ร่างกายบอบบาง ตัวเล็ก แต่ฉลาดกว่า

เผ่าพระอาทิตย์ ผมแดง ตาสีฟ้า ร่างกายกำยำ ตัวใหญ่ แต่เจ้าเล่ห์ เพทุบายกว่า


เหตุการณ์ ที่ทำให้เกิดความแตกแยก ในราชวงศ์

เนื่องมาจาก การที่ พระเจ้า แอตก้า ทรงมี พระเมตตา เกินไป

ทรงให้ ข้าราชบริพาร มาจากทุก ชนเผ่า คอยถวายงานรับใช้ เบื้องพระยุคลบาท

รวมถึงเผ่า อาทิตย์ ด้วย ถึงขั้นให้เป็น มหาอำมาตย์ ฝ่ายซ้าย

คอยรับใช้ ทูลกระหม่อมอย่างใกล้ชิด

จนทำให้ เกิดความสัมพันธ์ ใกล้ชิด กับ พระราชธิดาพระองค์โต


เพราะ เผ่าพระจันทร์ สืบสันตติวงศ์ ตามเชื้อสายจากพระโอรส ใน พระราชธิดาองค์โต

เพราะ มีความมั่นใจที่ว่า เป็นเชื้อสาย โดยแท้ จาก ปฐมบรมกษัตริย์แห่ง แอตแลนเธีย


จากเหตุการณ์ ดังกล่าว ทำให้เกิดข้อพิพาท ที่ว่า

ผู้ที่มาสืบ สันตติวงศ์ ต้องไม่ใช่ โอรส

หาก เป็น ชาย จะทำให้ การครองราชย์ มีปัญหา เป็นแน่แท้



บทสรุป ไม่ต้องบอก คือ พระราชธิดา ทรงมีพระสูติกาลเป็น พระโอรส


จึงทำให้ เกิดความพินาศ ไปทุกหย่อมหญ้า


เพราะ พระโอรส ทรงมี นิสัย โหดเหี้ยม ผิดจาก คนทั่วไป

เพราะพระองค์ มิใช่ เชื้อสาย จาก เผ่าพระจันทร์ โดยแท้

จึงทำให้เกิดอาเภท ต่าง ๆ ไม่ได้หยุดหย่อน

เป็นต้น คลังหินแร่ควอตซ์ ระเบิด, ทำให้ การสัญจร นั้นมีปัญหาตามมา

เพราะขาดเชื้อเพลิง ในการประกอบกิจกรรมในแต่ละวัน



เมื่อคลังหินแร่ ที่มีความจำเป็น เสียหาย

พระเจ้า แอตก้า จึงมีพระราชสาสน์ ไปยังคลังหินแร่ในความปกครอง ของเผ่าอาทิตย์

แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่อย่างใด

พระองค์ จึงสั่งให้ใช้ กำลังทหาร เข้ายึดพื้นที่ คลังหินแร่

แต่มิเป็นผลสำเร็จ ต้องเสียเสบียง และไพร่พล ไปเป็นอันมาก


กว่าจะมารู้ตัว ว่า อำนาจ นั้นตกไป ให้แก่ฝ่ายศัตรู คือ เผ่าพระอาทิตย์

ที่มี มหาอำมาตย์ คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ทุกเหตุการณ์

นับตั้งแต่ เหตุการณ์ คลังหินแร่ควอตซ์ ระเบิด



สุดท้าย พระองค์ ยังถูกลอบปลงพระชนม์ ท่ามกลางความวุ่นวาย

ในพระราชวัง อัครสถาน ที่คิดว่า จะมีแต่ความรื่นเริง บันเทิงจิตใจ



มหาอำมาตย์ ขึ้น ครองราชย์ ในนามแห่ง เผ่าพระอาทิตย์

และ ส่งต่อราชบัลลังก์ แก่ พระราชโอรส ซึ่งก็คือ พระเจ้า แอตแลนติสก้า


พระองค์ ทรงมีความเหี้ยมโหด ทารุณ กล้าได้ กล้าเสีย

พระองค์ ทรงขยาย ดินแดน ออกไปไกล เกิน กว่า ยุคสมัย ของพระเจ้าตา เสียอีก


แต่เป็น ผลจากการ ที่ มีพระนิสัย มุทะลุ ดุดัน เกิดไป

พระองค์ จึงทรงให้เพิ่ม อัตรากำลัง ในการสะสม อาวุธ ที่มีความรุนแรง

เทียบเท่า ระเบิด ปรมาณู ในปัจจุบัน


ทรงให้มีการทดสอบ ระเบิด และ อาวุธยุทโธปกรณ์ ใกล้เกาะแอตแลนเธีย

ณ ที่ประทับ ของพระองค์

ทรงมิมี ความหวั่นเกรงว่า มันจะย้อนมา ทำลายล้างทุกชีวิตบนเกาะ

แม้แต่ตัวพระองค์เอง



พระราชธิดาพระองค์โต ใน พระเจ้า แอตก้า และพระราชินี โซฟินา

ทรงเสด็จฯ หนี ไปพร้อม พระราชมารดา เมื่อ สมเด็จพ่อ ของพระนาง สิ้นพระชนม์

ในคราวเหตุการณ์ ความวุ่นวายทางการเมือง


ทรงหลบไปพร้อมกับขบวนพระศพ  ไปยังเกาะ พระจันทร์

ซึ่งเป็น สุสานหลวง แห่งราชวงศ์ แอตแลนนา (เชื้อสายพระจันทร์) โดยแท้

เกาะพระจันทร์ อยู่ห่างจาก เกาะแอตแลนเธีย ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร

แต่ด้วย ประตูเวลา ใช้เวลาเพียง ๕ นาที ก็ถึง สุสาน กลางเกาะ



พระธิดา ทรงมี ทหารองครักษ์ ติดตามพระองค์ เพียง ๕๐ คน

หนึ่งในนั้น คือ นายทหารหนุ่ม นามว่า สกายติสนีย์


เมื่อชายหนุ่ม และ ราชนิกุลสาว แสนสวย มาพบกัน

ถึงแม้ พระนางจะทรง เคยผ่านการสมรสมาแล้ว

แต่ ก็ยังทรงพระเยาว์ และ ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์

ถึงแม้ ตอนนี้ จะกลาย เป็น องค์หญิงพลัดถิ่น ไร้ซึ่งบัลลังก์

แต่ก็ ยังทรง ราชสิทธิ ในแผ่นดินเยี่ยง เดียวกับ องค์หญิงในเผ่าอาทิตย์



ในใจ ของพระนาง คิดถึงความอยู่รอดแห่งราชวงศ์ อันเกรือกไกร

พระองค์ จะทรง ท้อแท้ มิได้

แถมมิหนำซ้ำ ยังทรงพระครรภ์ อยู่ ณ เวลานี้

พระองค์ ทรงคิด ว่า หาก เด็กที่เกิด มา มีชีวิตรอด จักต้องช่วยกอบกู้ ศักดิ์ศรี แห่งราชวงศ์

ได้โดยแน่ 



จะมี ใคร คิดว่า จะไม่มีวันนั้น อีกต่อไป



แต่ด้วยบุญญาธิการ แห่งพระราชธิดา พระองค์ น้อย

บังเกิดให้ พระนางทรง รอดพ้นจาก ภยันตราย ต่าง ๆ นานับประการ

มาอย่างปลอดภัย จนถึง

วัน..ล่มสลาย..แห่งยุค


วันที่ พระองค์หญิงน้อย มีประสูติกาล เป็นวันที่เกาะ แอตแลนเธีย ได้เลือนหาย

ไปจาก หน้าประวัติศาตร์ ที่รุ่งเรือง เมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปี ก่อน


แต่ ปาฏิหาริย์ แห่งความดี ยังมีอยู่

หรือเพราะพระบารี แห่ง องค์หญิงองค์น้อย ซึ่งมีพระนามว่า โสมนัสตรา

ซึ่งกลายมาเป็นผู้บุกเบิกอาณาจักร ในดินแดนแถบอียิปต์ โบราณ นั่นเอง





(ช่วงเรื่องเล่า จาก ความฝัน..เฟื่อง)

โดย Winnie the ENG

ความสะดวก..ยุค ๑๐,๐๐๐ ปีที่แล้ว

ความสะดวก ยุคเก่าก่อน นาน นม มา

แต่ หาได้ ล้าสมัย ไม่ อาจะจะล้ำยุค กว่าปัจจุบัน

เพียงแต่ คนอดีต นั่นไซร้ ล้วนความจะเสื่อม จากผลพวงที่ตนเองได้สร้างสม เอาไว้



การทำลายล้าง กันเอง ทำให้ นวัตกรรมยุคเก่า ก่อน ล้วนเลือนหาย

เพราะไม่หลงเหลือ คนที่จะมา เล่าชี้แจง แถลงไข

ถึงความ น่าพิศวง งง งวย ถึงความ ไม่น่าจะเป็น ไปได้


คนยุคเก่า เดินทาง ด้วย ประตู มิติ หรือ ที่เราเรียกว่า หลุมดำ นั่นเอง

คล้าย ๆ กับ ไทม์ แมชชีน ของ โดเรมอน ก็ไม่ปาน



แต่ แล้ว ทำไม ความหฤหรรษ์ แห่ง ความสะดวกสบาย

ทั้งหลาย แหล่ กลับเลือนหาย ไปอย่างไร้ ร่อยรอย สืบค้น ได้เลย

แม้แต่ เศษผงธุลี หรือ โครงกระดูกมนุษย์ สักชิ้น ที่พอจะอธิบาย


เหตุการณ์ อันแสนเลวร้าย น่ากลัว น่าพรั่นพรึง

เหมือนเหตุการณ์ ทิ้งระเบิด ปรมาณู  ณ เกาะ ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น



คำตอบ คือ


ผู้คน ล้วนตายจาก

เพราะเหตุการณ์  มหาธรณีพิบัติ  ครั้งใหญ่

ที่ทำให้แผ่น ยุบตัว จากที่หนึ่ง และไปโผล่ อีกที่หนึ่ง





ณ ดินแดน ทะเลใต้  มีมหานคร อันรุ่งเรือง ผ่องอำไพ

เจ้าผู้ครองนคร มีพระนามว่า  พระเจ้า แอตก้า ที่ ๖ แห่งกรุง แอตโธเปีย

และ พระราชินี พระนามว่า พระนาง โซฟินา ผู้เลอโฉม และฉลาด ปราดเปรื่อง



ทั้งสองพระองค์  ทรงเป็น นักวิทยาศาตร์ แห่ง ยุค แอตแลนเธีย


ทรงมุ่งมาด ที่จะจำให้เกิดความเจริญไปทุกหย่อมหญ้า

ทรงวาดฝัน ให้การเดินทาง ระหว่าง ที่หนึ่ง ไปยัง ที่หนึ่ง ได้อย่างงาย

เพียง ชั่วอึดใจ ก็ถึงที่หมาย เหมือนดั่ง เทพธิดา เสกสรร ให้เป็นไป ตามประสงค์



ความฝัน ของ ทั้งสองพระองค์ ได้บรรลุเป้าหมาย ที่วางไว้ ทุกประการ

ทำให้ ประเทศของพระองค์ เจริญรุดหน้า ไปเกินกว่า ทุก ชาติใดในโลกหล้า


พระองค์ ทรง ขยาย พระอิทธิพล ออกไปไกล ทุกที ทุกที

จนเกือบ จะทั้งโลก ที่ ปกครอง โดย ทั้งสอง พระองค์

ทำให้ ทั่วทุกมุมโลก ล้วนมี นวัตกรรม ต่าง ๆ เหมือนกัน


เหมือนกับ ปัจจุบัน  แต่ต่างกัน ตรงที่  นวัตกรรม ยุคแอตแลนเธีย ล้ำสมัย กว่ามาก

ไม่รวม การเดินทางสัญจร ที่ ใช้ ประตูมิติ แห่งเวลา (Time Machines)


การเคลื่อนย้ายวัตถุ ต่าง ๆ ก็ใช้ แร่ควอต หรือ หินเขี้ยวหนุมาน

เพราะ เป็นแร่ ที่ใช้เริ่มต้น ในการผลิตกระแสแม่เหล็ก ไฟฟ้าในสมัยก่อน

ไม่ต้อง สร้างเขื่อน สร้างฝาย ให้ยุ่งยาก

เพียงมี แร่ควอต อยู่ใน เครื่องมือกำเนิดพลังงาน ตัวนี้

ไม่ต้อง ใช้ในปริมาณที่ มาก แต่ก่อให้เกิด พลังงานอันมหาศาล

ซึ่งต่อมา กลายเป็นจุดเริ่มต้น มหาโศกนาฏกรรม ครั้งสำคัญ ที่เป็น จุดจบ

ของความยิ่งใหญ่ อลังการ แห่งยุคสมัย ที่ชื่อว่า แอตแลนเธีย


(ช่วงเรื่องเล่า จาก ความฝัน...เฟื่อง)
โดย Winnie the ENG



วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น้ำตา...นางพญา (๒)

ที่ใด มีรัก....ที่นั่น มีทุกข์

ในเมื่อ ทุกข์ นี้ จะตกต้อง แก่ ประชาชน ตาดำ ๆ ทุกคน

ในมหานคร อันเลื่องชื่อ ที่มีนามว่า สุหวันปุระ



เหตุการณ์ จากตอนที่แล้ว

กล่าวถึง ความอดีตกาล เมื่อครั้ง ก่อร่างสร้าง กรุงไกร แห่งใหม่

ท่ามกลาง สงครามที่ เพิ่งจะ บรรจบ แก่ความล่มสลาย ของฝ่ายพ่ายแพ้

ซึ่งก็คือ นครปัญจวาตีศรีสุเทพอุทัย


สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรพรรดินี พระนามว่า พระนางเจ้าอยู่หัวมิ่งเมืองแมนแสนเลิศเพริศพิลัย

ต้องตกมาเป็นเมือง ประเทศรายา แห่งนคร สุหวันปุระ

และต้องเสีย พระเจ้าลูกเธอ พระนามงามยิ่งแล้ว ว่า

พระเจ้าลูกเธอ พระนางปัญจวาตีศรีอุทัยสวรรค์ ตกเป็น สิ่งบรรณาการอันหาค่ามิได้

แก่เมืองเจ้าอาณาจักรทั้งปวง คือ สุหวันปุระ


ผู้คนถูกกวาดต้อน ฝ่ายชายถูกเกณฑ์ ไปเป็นทาสา ฝ่ายหญิงถูกเกณฑ์ ไปเป็นทาสี

ฝ่ายหญิง นางใน ที่มี รูปโฉม สคราญ งามหยดย้อย

จักถูกต้อน ไปรวมอยู่ ณ ลาน โลกียรมณียสถาน

หมายถึง ลานพิธีไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง กลางเมืองใหญ่ ที่ให้ ชายอัครรายาทูต ต่างเมือง

มาเลือกเฟ้น ไปเป็น นางบำเรอ ปรนเปรอความสุข ทั้งยามหลับ และยามตื่น


หากนางผูใด มิ ยินยอม พร้อมใจ แต่โดยศิโรราป

จัก มีโทษตาย อย่างเดียว คือ โดน กระทำชำเลา ย่ำยี ให้ถึงแก่ความตาย

วิญญาณ ยังต้องถูก สะกด ไว้อยู่คู่ กับ รูปสลัก นางอัปสราประภัสสร

ใต้ฐาน รอบปราสาท รายาวัง และ กำแพงเมือง

เพื่อคอยเป็น ปราการด่านสำคัญ ในการ รักษา นครา แห่งนี้ ให้แผ่วพลาญ จากศัตรู

แต่ ตอนหลัง กลับกลาย เป็น สุสาน ของ เจ้าของ นครา ทุกผู้ นั่นเอง


ผู้ใด ยอม แต่โดยศิโรราป จักโดน เปลื้องผ้า ให้ เห็นเนินอก แล ปทุมถัน

โดน ขนานนามว่า นางอัปสรายาณี

นางใดที่เป็น หญิงงาม ลือชื่อ จ้กได้รับการ แกะสลัก รูปลักษณ์ ไว้บน ผนัง

แห่ง โลกียรมณียสถาน แห่งนี้ นี่เอง


พระนางเจ้า รานีเธอ โดนตัดสิน ประหารด้วย ท่อนจันทน์หอม

พระศพ ถูก ทหารเลว กระทำชำเลา กว่า ๑๐๐ นาย

พระศพ ถูก ตัด พระเศียร เสียบประจาร ไว้หน้าประตูชัย แห่ง นครสุหวันปุระ


กาลครั้งนั้น สร้างความแค้น ให้บังเกิด แก่ชาว ปัญจวาตีศรสุเทพอุทัย หาที่สุดมิได้

โดย เฉพาะ พระเจ้าลูกเธอ พระนางปัญจวาตีศรีอุทัยสวรรค์


พระนางเธอ ถุกจับได้ ว่า ลักลอบก่อกบฎ ปลายสมเด็จสมัย แห่ง

สมเด็จพระรายาองค์อาทิตย์สุริยวงศ์ ปฐมบรมกษัตราธิรายา แห่ง รายาวงศ์ องค์อาทิตย์

ในสมัยกาล ก่อนปัจจุบัน ๕๐๐ ปี


พระนางเธอ ถูกจองจำ จนกว่า ชีวิต จะหาไม่

พระนางเธอ สิ้นพระชนม์ ด้วยวัยสาว ๑๕ ชันษา

ภายใต้ คุก อันมืดมิด ดุจ ยามนิทราราตรีคืน


ทุกยาม ค่ำ พระนางเธอ จัก สวดสาปแช่ง ผู้ที่ทำให้ พระนางมี จุดจบ เยี่ยงนี้

ซึ่งก็คือ ผู้ที่กลับชาติมา กำเนิด เป็น

สมเด็จรายา องค์ที่ ๑๓ แห่งสุหวันปุระ ในปัจจุบันกาล นั่นเอง

น้ำตา...นางพญา

เรื่องเล่านี้ เหมาะกับ ผู้ใหญ่ เท่านั้น
เด็กต่ำกว่า ๑๘ ไม่ควรอ่าน


แปลก...แต่...จริงที่ คนเรา ไม่ค่อยได้จะสำรวจตัวเอง เท่าใดนัก

เช่นเดียวกับ เรื่องที่จะเล่า ในวันนี้


พระนางปัญจวาตี ศรีสว่างอารีฤทัยมาศ

พระนางใน สมเด็จพระรายาธิบดี องค์ที่ ๑๓ แห่งสะหวันปุระ อันรุ่งเรืองกระจ่างไกล

พระนางทรงมี สิริโฉม งดดงามยิ่ง แต่ในความงามหาที่เปรียบมิได้นั้น

พระนางทรงเปี่ยมไปด้วย ความทารุณ โหดร้าย


ณ สวนสวรรค์ กลางพระตำหนัก ทิศตะวันตก

ใน พระนางกังสตาลวตรีสรวล

พระนางเธอ ใน สมเด็จรายา ทุกพระองค์

ทำไม...ถึงต้อง ใช้คำว่า ทุกพระองค์

คำตอบ คือ ยามก่อนที่ สมเด็จพระรายาธิบดี ทุกพระองค์


จะเสด็จ เถลิงถวัลยรายาสมบัติ นั้น 


ทุกพระองค์ จักต้อง มาศึกษา กามสูตร กับพระนาง ก่อน




ก็หมายความว่า มาเรียน เรื่องเพศศึกษา ภาคปฏิบัติ


กับ พระนางกังสตาลฯ ก่อน นั่นเอง


ก็เพื่อที่ จะไม่เกิดความลุ่มหลงใน อิสตรี ทั้งปวง


ในใต้หล้า แห่งมหานคร แห่งนี้




สุดท้าย แล้ว ใคร ก็ ไม่มี อำนาจ ไปกว่า พระนาง


เพราะ พระนาง ไม่เคย ตาย นั่นเอง


พระนางจะ สับเปลี่ยน วิญญาณ ตน เข้ากับ ร่างใหม่ 


ทุก ๆ ครั้ง สังขาร เดิม เริ่มชราภาพ


เพราะฉะนั้น จึงไม่เคย มีผูใด เคยเห็นโฉมหน้า อันแท้จริง


ของพระนาง มาก่อน 


เพราะ นางมีความเป็นส่วนตัว ค่อนข้างสูง ถึงสูงมากที่สุด


ยามเมื่อ นาง เยื้องย่างไป หน ใด ก็จะต้อง มีเสียงกระพรวน


นำหน้า นางมาก่อน ทุกครั้ง


ภายใต้ ชุดคลุม สีดำ สนิท 


นาง จะใช้ สังขาร ที่นางเลือกสรร มาอย่างไม่ ปราณีปราศรัย


นาง ชื่นชอบการ เสพ กาม เป็นอย่างมาก







แต่ การเสพ ของนาง เป็นไป เพื่อการอยู่รอด ในภพ นี้



เพราะ ร่างของหญิงสาว ที่ นาง เลือกนั้น ล้วน มีชะตา ที่จะต้องตาย 


ตั้งแต่เยาว์วัย แทบทั้งสิ้น




ดังนั้น จึงต้อง ได้ พลังชีวิต จาก น้ำกาม เพียงอย่างเดียว


ทำไมเรา ถึงเรียก กามเทพ 


เพราะ กาม นั้นหมายถึง ความรัก มิใช่หรือ




ชายที่ นาง จะร่วมเสพ ด้วยนั้น 


จะต้องเป็น ชาย ในวรรณะกษัตริย์ เท่านั้น


หากนาง ผิด แผก ไปจากเดิม  จะทำให้ เกิด อาเพส แก่ตัวนาง เอง






กล่าวคือ ดวงวิญญาณ ของ นางจะค่อย ๆ เสื่อมถอย


นางจะมีความรัก ให้แก่ชายใด มิได้


นางเหมือนดั่งต้อง คำสาป


นาง จักต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในตำหนักอันวิจิตร เรืองรองไปด้วยเพชรทองมากมาย

แต่หาก หาความสุข อันใดมิได้


ก่อน อาณาจักร อันเรืองรอง จักต้องล่มสลาย


นาง ผู้ มี อาญาสิทธิ์ ไม่พอ พระทัย กับ การที่ สมเด็จรายา ตีตัวออกห่าง


นั่นก็คือ ที่มา ของ ความวิบัติ ฉิบหาย ทั้งปวง




ความหฤหรรษ์ เพิ่งจัก บังเกิด เมื่อ พระนางเจ้า องค์ ใหม่ 

เสด็จพระราชดำเนินไป ในการพระรายาพิธีรับ ตราประจำพระองค์


พระนางเธอ มีพระนามว่า




พระนางปัญจวาตี ศรีสว่างอารีฤทัยมาศ สมเด็จรานี

ใน สมเด็จพระรายาธิบดี องค์ที่ ๑๓ สมเด็จองค์อาทิตยวงศ์สะหวันปุระ


พระองค์ ทรงหลงใหลในพระนางเจ้า เป็นอันมาก

ทั้ง ๆ ที่ พระนางทรง มีส่วนรู้เห็น เป็นใจ แก่การลอบปลงพระชนม์

ในพระนางเจ้า องค์ก่อน


ซึ่งหาได้ มีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ย ถึงเรื่องดังกล่าว

เพราะ เกรงต่อพระรายาอาญา จาก พระนางเจ้าองค์ใหม่ นั่นเอง


มิมี ผู้ใด โกรธ ไปกว่า พระนางเธอ ผู้มีนามว่า กังสตาลวตรีสรวล ผู้นี้ อีกแล้ว


พระนาง ทรงไม่ พอพระทัย เป็นอย่างยิ่ง ที่ สมเด็จรายา ทรงมิไป เยี่ยมเยียนนาง

เกินไปกว่า ๗ วัน ซึ่ง ปกติพระนาง จะได้ ทรงรับใช้ เบื้องพระยุคลบาท

ไม่เกินไปกว่า ๓ วัน


การ ครั้งนี้ เป็นการ หัก พระพักตร์ใน พระนางเธอ เป็นอย่างยิ่ง

ทำให้ พระรายาพิธี ครั้งนี้ เปี่ยม ไปด้วย ความอึมครึม แห่ง สงครามเย็น


เพราะ เหตุใด พระนางจึงรู้สึก หวั่นไหว กับเหตุการณ์ ครั้งนี้

หรือเป็น เพราะ นาง เกิด ติดกับดัก ที่เรียกว่า ความรัก

ใน สมเด็จรายา ผู้ มีเสน่ห์ ทั้งพระสิริโฉม แห่งความเป็นชายสมชาย

และพระรายาวาจา ที่ทรงเอื้อนเอ่ย ตรัส แก่ พระนางเธอ

ช่าง ทำให้ ใจอ่อนระทดระทวย

ทั้ง ที่ น้ำพระทัย ของพระนาง ได้หมด สิ้นไป เมื่อครั้งที่ พระนาง

ตบปากรับคำ ที่จะ ดำรง ตำแหน่ง เพศสิกขาคุรุ

แห่งราชวงศ์ องค์อาทิตย์ เมื่อ ๕๐๐ ปี ที่ผ่านมา


ความเสื่อม แห่ง มนตรา เริ่ม จากจุดนี้ นี่เอง


จากที่ ไร้ หัวใจ กลับ กลาย เป็น คนที่มี บ่อน้ำตา

เพราะ ใจเรา หวั่นไหว หาที่ยึดที่เกาะ มิได้

เพราะ เหตุ อันใด หนอ

ที่ ทำให้ เรา เป็น เยี่ยงนี้


เราตอบให้ ก็ได้

เหตุการณ์นั้น ล่วง เลย มา ตั้งแต่ สมัยกาล ก่อตั้งรายาวงศ์ แห่ง องค์อาทิตย์

มันก็ช่างแปลก ที่ สมเด็จพ่อ ใน สมเด็จรายา องค์ปัจจุบัน

ทรงตั้งพระนาม ใน พระองค์ ว่า สมเด็จเจ้าชายองค์อาทิตย์สุริยวงศ์เทวัญวิมารายาเธอ

ซึ่งไปคล้อง กับ สมเด็จพระรายา ผู้กอบกูอิสรภาพ มาแต่ แคว้น ปัญจวาตีศรีสุเทพอุทัย

และ ชื่อเมืองที่ ล่มสลาย นั้น ก็สอดคล้องแก่ พระนามกับ พระนางเจ้า พระองค์ใหม่


พระนางเจ้าปัญจวาตี ศรีสว่างอารีฤทัยมาศ สมเด็จรานี



เรื่องราว มันชัก จะเกี่ยวกัน ขึ้น ทุกขณะ

มันส์ พะยะค่ะ



ติดตามชม ใน ภาคี ถัดไป ได้ใหม่

ในชื่อ ตอน น้ำตา...นางพญา (๒)



(ช่วงเรื่องเล่า จาก ห้วงลึก)

โดย Winnie the ENG
























วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แผ่นดินนี้...ใคร..ครอบครอง

ไม่มี ใคร ที่ จะไม่มี วัน เดิน ลงเหว ถ้ารู้ว่า ข้างหน้า คือ หน้าผา (Cliff)

แล้วจะมีสักกี่คน ที่ล่วงรู้ ได้ หาก ทางที่เรา เดิน อยู่ เต็มไปด้วย หมอกควัน (Smog)

ที่คอยอำพราง (to hide) สิ่งไม่ดี ต่าง ๆ ที่พร้อม กระโจน ถาโถม เข้ามาใส่ เรา ตรงหน้า (in front of)

เพียงแค่ ตะเกียง (Lamp) เล็ก ๆ อันเดียว จะ พอ ที่จะ ทำให้เรา ตาสว่าง (Bright Eyes) ขึ้นมาได้บ้าง

ว่า จริง ๆ (Actually) แล้ว เรา กำลัง เดิน (Keep Walking) ไป ใกล้ ปากเหว แค่เอื้อม

ไม่มีทาง เลย แต่ เรายังโชคดี (Be Lucky) ที่มี เสียงกระซิบ (Whisper) ที่ดังมาจากใจ ว่า

ไม่มีทาง เลย ที่ จะ ก้าว (to walk) ต่อไป (Continuously)



ทุกอย่าง เป็นเพียง แค่ ความฝัน (Just a dream)

สุดท้าย(Eventually)  เรา ก็ต้อง เดิน ไป สู่ จุด จบ ที่น่า สยดสยอง (Horrible)


เพียง เพราะ เรา เป็น เจ้าของ (Owner) แผ่นดิน เลือด (Land of Blood) แห่งนี้


ความคิด จาก ห้วงลึก ครั้งสุดท้าย (Last Depth Thinking)

ใน สมเด็จรายาธิบดีที่ ๑๓ (สมเด็จองค์อาทิตยวงศ์สุหวันปุระ)

ก่อนเสด็จสู่สวรรคาลัย  (to pass away) ณ ลานประหาร  ริมหน้าผาแอ่นสุวรรณ






ณ แผ่นดินทอง(Golden Land) เรืองรองอร่าม นามว่า สุหวันปุระ

มีเพียง ภูมินทร์ และ โฉมงาม เลื่องชื่อ ทั้งความสวย (beautiful) และความโหดเหี้ยม

ทั้งสองครองคู่ กันอย่าง พิสมัย วิไลศักดิ์


ส่วน ณ สุวราลัยปุระ ไกลโพ้นทะเล (Oversea)

องค์อินทราภิรมย์ ได้มาเห็น แม่หญิงงามเมือง เลืองนาม (famous) กระฉ่อน ไปทั่ว กรุง ไกร


ทั้ง ๆ ที่นางนี้ นามว่า กิลกาลาวดี ก็อยากจะ แย่ง นาง ไปครอบครอง (to occupy) แต่ถ่ายเดียว



ขณะ ที่ พา น้องนาง โฉมตรู นางนี้ กลับ เมือง เรือกลับล่ม ใกล้ ๆ นครสุวรรณปุระ นั่นเอง

โชค ดี ที่ นาง นั่น ชะตา (Fate) มิต้อง กับ ยมบาล

แต่ฝ่าย ท่าน ท้าวเธอ กลับต้อง สังเวย(to sacrifice) แก่ ท่านท้าวพญายมราช


ก็บอกแล้ว ว่า นางเป็น หญิง กาลากิณี


นาง นั้น ถูกช่วยเหลือ (Be Rescued) โดย ขันที (Eunuch) ที่ รับใช้ (to serve) เบื้องพระยุคลบาท

ท้าวเธอ แห่ง มหานคร (Metropolis)อัน เรืองนามแห่งนี้



นาง ถูกนำตัว ไป ถวาย (to give) เป็น นางข้าไท (Servant) ใน พระตำหนัก (Palace)

องค์มหารานี มารตีศรีพิสุทธิ์  

พระนางเธอ ใน สมเด็จพระรายาธิบดี แห่ง มไหศวรรย์รมณียสถาน

(เสด็จสู่สวรรคาลัย) (to pass away)


พระนาง นั้น เป็น พระมารดา (Mother) ของ องค์รายา องค์ ปัจจุบัน (Nowadays) นี้เอง

พระนาง ทรงเจริญพระชันษาที่ ๗๐ พรรษา แต่พระพักตร์ (Face)

กลับเหมือนสาวงาม ยามแรกแย้ม (Baby Face)

เพราะ พระนาง ทรงดื่ม (to drink) เลือดเด็ก ทารก (Infant) ทุก ขึ้น ๑๒ ค่ำ

นี่คือ เหตุ (Cause) อย่างหนึ่ง ที่นำไปสู่ (to cause) จุดจบ(Ending) แห่งมหานคร อันเรืองนาม

ที่ชื่อว่า สุหวันปุระ



เมืองแห่งนี้ ยังมีความลับ (Secrets) ให้คุณ มาติดตาม (to follow) อีกมาก




(ช่วงเรื่องเล่า จาก ห้วงลึก)

โดย Winnie the ENG

การเดินทาง...สู่สันติภาพ...ยังไม่ไปไหน

หัวใจที่โดดเดี่ยว นำเราไปค้นหา คำว่า การเดินทาง (Journey) ค้นหา (to discover)  อะไร บางอย่าง

ความเป็นตัวตน (อัตลักษณ์) (Individualization) ที่เราเองก็

เข้าใจผิด (to misunderstood) มาโดยตลอด  ว่ามัน เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว ทางจิตใจ (soul)

เข้าใจผิด ว่ามันคือ ความเที่ยงแท้ จีรัง ยั่งยืน (sustainable)

แต่ แท้จริง (actual) แล้ว เราล้วน เดินทางผิด มาตั้งแต่ต้น หรือ อาจจะเรียกว่า หลงทาง (lost the way)

แต่สุดท้าย เรา ก็ยัง (still) ไปได้ ไม่ไกล กว่าเดิม ที่เรา เดินทาง ออกมา (to leave)

จากจุดเริ่มต้นเดียวกัน (same starting point)

แต่เรา ก็ต่างกันมาก ทั้งความคิด (idea) และ ความเข้าใจ (understanding)

ในสิ่งเดียวกัน (same thing)

ไม่ผิดที่ เรา คิดต่างกัน แต่มันแปลก(strange) ตรงที่ เรามาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน

แล้วทำไม เรา จึงต้อง แตกแยก (to split) กันด้วย

จริง ๆ แล้ว เพราะ เรา จาก (to leave) กันมานานเกิน ไป นั่น เอง

ที่ทำให้เรา ลืม (to forget) ต้นกำเนิด (derivation)



เรา ทะเลาะ (to quarrel ) กัน เพราะว่า เรา ลืม ไป ว่า เรามาจาก เทือกเถา เหล่ากอ เดียวกัน

เรา จาก กัน มานาน (too long) เกินไป แล้ว

เรา ควร นึก ดู ให้ดี ว่า เราเป็น คน คนเดียวกัน

เรา ทำไม ต้อง ตัดเนื้อ เฉือนหนัง ตัวเอง (me myself) ได้ลงคอ

เรา สุดท้ายก็ต้องกลับ ไปรวมกัน ณ จุดที่เรา เคยรวมกันมาก่อน


จงหยุด ทำร้าย ตัวตนที่แท้จริง ของเรา อีกเลย



(ช่วงธรรมพาที)
โดย Winnie the ENG

ปล. ให้เข้ากับช่วง เข้าพรรษาหน่อย อาจจะดู ลึ้งซึ้ง ในรสพระธรรม ไปหน่อย

แต่รับรอง (to confirm) ว่าจะสอดแทรก คำศัพท์ ภาษาอังกฤษ ให้เหมือนเดิมครับ