วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แผ่นดินนี้...ใคร..ครอบครอง

ไม่มี ใคร ที่ จะไม่มี วัน เดิน ลงเหว ถ้ารู้ว่า ข้างหน้า คือ หน้าผา (Cliff)

แล้วจะมีสักกี่คน ที่ล่วงรู้ ได้ หาก ทางที่เรา เดิน อยู่ เต็มไปด้วย หมอกควัน (Smog)

ที่คอยอำพราง (to hide) สิ่งไม่ดี ต่าง ๆ ที่พร้อม กระโจน ถาโถม เข้ามาใส่ เรา ตรงหน้า (in front of)

เพียงแค่ ตะเกียง (Lamp) เล็ก ๆ อันเดียว จะ พอ ที่จะ ทำให้เรา ตาสว่าง (Bright Eyes) ขึ้นมาได้บ้าง

ว่า จริง ๆ (Actually) แล้ว เรา กำลัง เดิน (Keep Walking) ไป ใกล้ ปากเหว แค่เอื้อม

ไม่มีทาง เลย แต่ เรายังโชคดี (Be Lucky) ที่มี เสียงกระซิบ (Whisper) ที่ดังมาจากใจ ว่า

ไม่มีทาง เลย ที่ จะ ก้าว (to walk) ต่อไป (Continuously)



ทุกอย่าง เป็นเพียง แค่ ความฝัน (Just a dream)

สุดท้าย(Eventually)  เรา ก็ต้อง เดิน ไป สู่ จุด จบ ที่น่า สยดสยอง (Horrible)


เพียง เพราะ เรา เป็น เจ้าของ (Owner) แผ่นดิน เลือด (Land of Blood) แห่งนี้


ความคิด จาก ห้วงลึก ครั้งสุดท้าย (Last Depth Thinking)

ใน สมเด็จรายาธิบดีที่ ๑๓ (สมเด็จองค์อาทิตยวงศ์สุหวันปุระ)

ก่อนเสด็จสู่สวรรคาลัย  (to pass away) ณ ลานประหาร  ริมหน้าผาแอ่นสุวรรณ






ณ แผ่นดินทอง(Golden Land) เรืองรองอร่าม นามว่า สุหวันปุระ

มีเพียง ภูมินทร์ และ โฉมงาม เลื่องชื่อ ทั้งความสวย (beautiful) และความโหดเหี้ยม

ทั้งสองครองคู่ กันอย่าง พิสมัย วิไลศักดิ์


ส่วน ณ สุวราลัยปุระ ไกลโพ้นทะเล (Oversea)

องค์อินทราภิรมย์ ได้มาเห็น แม่หญิงงามเมือง เลืองนาม (famous) กระฉ่อน ไปทั่ว กรุง ไกร


ทั้ง ๆ ที่นางนี้ นามว่า กิลกาลาวดี ก็อยากจะ แย่ง นาง ไปครอบครอง (to occupy) แต่ถ่ายเดียว



ขณะ ที่ พา น้องนาง โฉมตรู นางนี้ กลับ เมือง เรือกลับล่ม ใกล้ ๆ นครสุวรรณปุระ นั่นเอง

โชค ดี ที่ นาง นั่น ชะตา (Fate) มิต้อง กับ ยมบาล

แต่ฝ่าย ท่าน ท้าวเธอ กลับต้อง สังเวย(to sacrifice) แก่ ท่านท้าวพญายมราช


ก็บอกแล้ว ว่า นางเป็น หญิง กาลากิณี


นาง นั้น ถูกช่วยเหลือ (Be Rescued) โดย ขันที (Eunuch) ที่ รับใช้ (to serve) เบื้องพระยุคลบาท

ท้าวเธอ แห่ง มหานคร (Metropolis)อัน เรืองนามแห่งนี้



นาง ถูกนำตัว ไป ถวาย (to give) เป็น นางข้าไท (Servant) ใน พระตำหนัก (Palace)

องค์มหารานี มารตีศรีพิสุทธิ์  

พระนางเธอ ใน สมเด็จพระรายาธิบดี แห่ง มไหศวรรย์รมณียสถาน

(เสด็จสู่สวรรคาลัย) (to pass away)


พระนาง นั้น เป็น พระมารดา (Mother) ของ องค์รายา องค์ ปัจจุบัน (Nowadays) นี้เอง

พระนาง ทรงเจริญพระชันษาที่ ๗๐ พรรษา แต่พระพักตร์ (Face)

กลับเหมือนสาวงาม ยามแรกแย้ม (Baby Face)

เพราะ พระนาง ทรงดื่ม (to drink) เลือดเด็ก ทารก (Infant) ทุก ขึ้น ๑๒ ค่ำ

นี่คือ เหตุ (Cause) อย่างหนึ่ง ที่นำไปสู่ (to cause) จุดจบ(Ending) แห่งมหานคร อันเรืองนาม

ที่ชื่อว่า สุหวันปุระ



เมืองแห่งนี้ ยังมีความลับ (Secrets) ให้คุณ มาติดตาม (to follow) อีกมาก




(ช่วงเรื่องเล่า จาก ห้วงลึก)

โดย Winnie the ENG

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น